"ท่องเที่ยว" หวังจีนคลายล็อกหลัง มี.ค.66 ททท.จ่อชงต่ออายุขยายวันพักวีซ่า

featured image

การประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (ซีโร่โควิด) ของรัฐบาลจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ท้าทายอำนาจของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังเข้มงวดเรื่องควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 มานานเกือบ 3 ปี ส่งผลกระทบต่อการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของประเทศจีนหลังมีการประท้วงกดดันให้เลิกล็อกดาวน์ ทางนางซุน ชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีประเทศจีน ยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน หมายความว่าอาจมีนโยบายผ่อนคลายการคุมโควิด-19 มากขึ้น

“ตอนนี้โควิด-19 กลับมาระบาดหนักอีกครั้งในประเทศจีน ทำให้ทางการจีนยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะถ้าระบาดไปทั่วประเทศจีนจะเป็นอย่างไร จึงต้องมีผลการศึกษามารองรับว่าความรุนแรงของโรคไม่ได้หนักเท่าเดิม”

ภาคท่องเที่ยวไทยยังต้องรอติดตามว่าในเดือน มี.ค.2566 ซึ่งจะมีการประชุม 2 สภา ได้แก่ การประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประเทศจีน (Chinese People’s Political Consultative Conference: CPPCC) และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress: NPC) ทางรัฐบาลชุดใหม่อาจมีการปรับนโยบาย ผ่อนคลายมาตรการอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เปิดให้สายการบินทำการบินมากขึ้นในปี 2566

“แอตต้าประเมินว่ามีโอกาสเห็นจีนเปิดประเทศในปีหน้า ลุ้นผลจากการประชุม 2 สภาว่าหลังเดือน มี.ค.2566 จะผ่อนคลายให้ชาวจีนออกไปเที่ยวต่างประเทศได้มากน้อยแค่ไหน หลังมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องของประชาชน และทางรองนายกฯของจีนยอมรับว่าการระบาดไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน”

++ คาด “เอเชียนเกมส์” เบิกโรงจีนเปิดประเทศ

ทั้งนี้ คาดว่าหากจีนประกาศเปิดประเทศในปีหน้า น่าจะใช้มหกรรมกีฬา “เอเชียนเกมส์ 2022” ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ซึ่งเลื่อนมาจัดการแข่งขันในวันที่ 23 ก.ย.-8 ต.ค.2566 เป็นหนึ่งในอีเวนต์ประชาสัมพันธ์การเปิดประเทศ เพราะถ้าตัดสินใจเปิดแล้ว คงต้องเปิดอย่างกว้างขวาง ให้คนเดินทางเข้ามาสะดวก

“แต่ถ้าจีนยังไม่เปิดประเทศในปีหน้า คาดว่าตลาดนักท่องเที่ยวมาไทยจะไม่ไหว เพราะฐานนักท่องเที่ยวจีนเคยมีมากถึง 11 ล้านคน ครองสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของตลาดต่างชาติเที่ยวไทยรวมเกือบ 40 ล้านคนเมื่อปี 2562 และพำนักนาน 6-7 วัน หากจีนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวออกนอกประเทศ จะช่วยพยุงสถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวไทย ให้ผู้ประกอบการได้กลับมามีงานทำ”

++ “จีน” แห่เที่ยวไทยหากรัฐบาลไฟเขียว

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หลังจากนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางมาร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเมื่อกลางเดือน พ.ย. และได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบว่ามีผลทางบวกค่อนข้างมาก

โดยถ้อยแถลงต่างๆ เช่น ไทย-จีนเป็นพี่น้องกัน และพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันนั้น ได้รับการเผยแพร่ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้องมากกว่า 40,000 บทความ สร้างการรับรู้แก่ประชาชนจีนกว่า 1,000 ล้านคน พร้อมมีคอมเมนต์ดีๆ ว่าคิดถึงเมืองไทย จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยแน่เมื่อรัฐบาลจีนอนุญาต

“ทาง ททท.หวังว่าจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวเหล่านี้ น่าจะมีส่วนช่วยให้มีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเร็วขึ้น โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น”

++ เอกชนลุยขายแพ็กเกจ “จีนเที่ยวไทย” ล่วงหน้า

ททท.คาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะเปิดประเทศเร็วขึ้นในช่วงหลังเดือน มี.ค.2566 ซึ่งเป็นเดือนที่จะมีการประชุม 2 สภา ถือเป็นวาระสำคัญของประเทศจีน ภาคท่องเที่ยวไทยต้องรอติดตามความชัดเจนหลังการประชุมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานของ ททท.ทั้ง 5 แห่งในประเทศจีนได้เริ่มการขายแล้ว เช่น สำนักงานเซี่ยงไฮ้ และสำนักงานเฉิงตู ได้นำคณะอินฟลูเอนเซอร์เดินทางมาสำรวจสินค้าท่องเที่ยวในไทย ด้านภาคเอกชนท่องเที่ยวในจีนได้เริ่มขยับทำการตลาดขายแพ็กเกจท่องเที่ยวล่วงหน้าแล้ว เช่น ทริปดอทคอม (Trip.com) บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agents: OTA) อันดับ 1 ของประเทศจีน และ OTA รายอื่นๆ ด้วยกลยุทธ์หลักสื่อสารถึงนักท่องเที่ยวจีนว่า Book Now, Travel Later.

“ก่อนโควิด-19 ระบาด นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากถึง 11 ล้านคนเมื่อปี 2562 เฉลี่ยเกือบ 1 ล้านคนต่อเดือน อารมณ์ของนักท่องเที่ยวจีนในตอนนี้น่าจะอยากออกมาเที่ยวต่างประเทศ ยอมรับว่าตอนนี้ยังคาดการณ์ฉากทัศน์ (ซีนาริโอ) ต่างๆ ของตลาดจีนเที่ยวไทยได้ยาก แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าเมื่อชาวจีนได้ออกมาเที่ยวแล้ว จะพำนักในไทยนานขึ้นแน่นอน”

++ จ่อชงขยายเวลาพัก “ฟรีวีซ่า-VoA” ดึงจีนเที่ยวนาน

เพื่อรองรับแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนพำนักในไทยนานขึ้น ททท.จึงเตรียมเสนอให้รัฐบาลต่ออายุมาตรการขยายเวลาพำนักในประเทศไทย สำหรับชาวต่างชาติ 3 กลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทย จากปัจจุบันกำหนดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565-31 มี.ค.2566 ซึ่งอนุญาตให้

1.ชาวต่างชาติที่ขอรับการตรวจลงตรา Visa on Arrival (VoA) หรือวีซ่าหน้าด่าน ขยายระยะเวลาจากเดิมพำนักได้ไม่เกิน 15 วัน เป็นไม่เกิน 30 วัน

2.ชาวต่างชาติผู้ถือหนังสือเดินทางของประเทศที่รัฐบาลของประเทศนั้น ได้ทำความตกลงระหว่างกันกับรัฐบาลไทย กรณีการยกเว้นการตรวจลงตรา (ฟรีวีซ่า) ขยายจากเดิมไม่เกิน 30 วัน เป็นไม่เกิน 45 วัน

และ 3.ชาวต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักรชั่วคราวซึ่งได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ประเภท ผ.30 ซึ่งเป็นมาตรการที่ไทยให้ฝ่ายเดียว ขยายจากเดิมไม่เกิน 30 วัน เป็น ไม่เกิน 45 วัน

“ททท.จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่ออายุมาตรการขยายเวลาพำนักในประเทศไทยดังกล่าวซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.2566 เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ให้เดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่ม”

++ “จีน-รัสเซีย” ออนท็อปเป้าต่างชาติ 20 ล้านคนปี 66

ที่ผ่านมา ททท.ได้ปรับมาใช้กลยุทธ์ “ไม่รอจีน” ด้วยการทำตลาดดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ในตลาดระยะใกล้มาทดแทนก่อน เช่น ตลาดเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และตะวันออกกลาง รวมถึงตลาดระยะไกล ล่าสุด ททท.ได้นำผู้ประกอบการไทยมาหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มที่ประเทศตุรกีและฮังการี เพื่อทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ดีมานด์ยังไม่ฟื้นกลับมาเป็นปกติ

“ในปี 2566 ททท.ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 20 ล้านคน ยังไม่รวมตลาดนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย เพราะตอนนี้ประเทศจีนยังปิดประเทศ ต้องรอความชัดเจนว่ารัฐบาลจีนจะอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกเที่ยวต่างประเทศได้เมื่อไร ทำให้เราไปหวังน้ำบ่อหน้าก็คงไม่ได้ ขณะเดียวกันยังมีสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่ถ้าทั้งสองตลาดใหญ่จีนกับรัสเซียฟื้นตัว ก็จะช่วยผลักดันยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าเกินเป้าหมาย 20 ล้านคน”

ด้านความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและแนวโน้มเศรษฐกิจจีนอาจตกต่ำในปี 2566 มองว่าก่อนหน้านี้ประเทศจีนส่งออกนักท่องเที่ยวไปต่างประเทศมากกว่า 120 ล้านคนต่อปี เมื่อจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง เราคงไม่คาดหวังจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมามากเหมือนเดิมในช่วงการฟื้นตัว หากได้นักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงซึ่งในระยะสั้นน่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจมากนัก

Read More

Share on Google Plus
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 Comments :

Post a Comment